มือใหม่หัด โยคะ

Share : facebook_share line_share twitter_share messenger_share

มือใหม่หัด โยคะ



อยากฝึก โยคะ ( Yoga ) แต่ไม่รู้ต้องเริ่มต้นอย่างไร เป็นมือใหม่ไม่ใช่เรื่องยากค่ะ เรามี 10 เคล็ดลับสำหรับมือใหม่หัด โยคะ ( Yoga ) มาฝากทุกคน เพื่อลดความประหม่า และความตื่นเต้นในการเข้าคลาส

 

     การเดินเข้าสู่คลาสเรียน โยคะ ( Yoga ) ครั้งแรกคุณอาจทำให้คุณรู้สึกประหม่า มันอาจรู้สึกเหมือนกับว่าทุกคนเป็นสมาชิกในสโมสรนั้น แต่ยกเว้นคุณ ไม่ต้องกลัวอีกแล้ว หยิบเสื่อ โยคะ, บล็อก โยคะ, อุปกรณ์พื้นฐานการฝึก โยคะ ( Yoga ) เข้าคลาสเรียน โยคะ ( Yoga ) ไปด้วย และถ้าคุณเป็นมือใหม่ โยคะ ( Yoga ) ให้อ่านเคล็ดลับ 10 ข้อเพื่อช่วยให้คุณเริ่มต้นท่า โยคะ ( Yoga ) พื้นฐานอย่างราบรื่น

 

1. เริ่มต้นการฝึกที่ดีที่สุดสำหรับตัวคุณเอง

     ขอแนะนำให้ติดต่อสตูดิโอที่คุณจะฝึกเพื่อขอคำแนะนำสำหรับชั้นเรียนที่เหมาะสำหรับคุณก่อนเข้าไปฝึกจริง หากคุณเคยบาดเจ็บ หรือมีข้อจำกัดต่าง ๆ ในการออกกำลังกาย เล่าประวัติของคุณให้พวกเขาทราบ แม้จะมีชั้นเรียน โยคะ ( Yoga ) สำหรับ all level ที่มือใหม่อย่างคุณเข้าไปร่วมได้ แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงครูผู้ฝึกสอนอยู่เสมอ ดังนั้นอย่าเขินอายที่จะแจ้งเจ้าของสตูดิโอ หรือผู้จัดการ พวกเขาสามารถช่วยคุณหาจุดเริ่มต้นในการฝึก โยคะ ( Yoga ) ที่ดีที่สุดได้

     การเริ่มต้นในชั้นเรียน โยคะ ( Yoga ) ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับผู้เริ่มต้น คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ โยคะ ( Yoga ) พื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นการจัดตำแหน่งของร่างกาย และปัจจัยพื้นฐานเกี่ยวกับการหายใจ ในกรณีที่ไม่มีชั้นเรียนสำหรับผู้เริ่มต้นโดยเฉพาะ ขอแนะนำให้ผู้เริ่มต้นฝึก โยคะ ( Yoga ) มือใหม่ทุกคน เริ่มเรียนในชั้นเรียนที่มุ่งเน้นการยืดกล้ามเนื้อ และการหายใจ โดยครูผู้ฝึกสอนดำเนินคลาสอย่างช้า ๆ ซึ่งจะช่วยให้คุณสบายใจในการเรียนรู้ท่าทางต่าง ๆ และการหายใจกับเพื่อนร่วมชั้นที่เป็นผู้เริ่มต้นฝึกโยคะมือใหม่เช่นกัน สำหรับนักเรียนจำนวนมากมักจะคิดว่า โยคะ ( Yoga ) ที่ออกแบบมาสำหรับผู้เริ่มต้น มักจะฝึกท่าพื้นฐานที่ง่าย ๆ ขณะที่คนอื่น ๆ ต้องการเรียนในคลาสที่เข้มงวดมากขึ้น แต่มันมีเหตุผลมากกว่าการที่คุณจะเรียนรู้การมีวินัยในการฝึกฝน มากกว่าเร่งรีบไปยังชั้นเรียนที่คุณยังไม่พร้อม

 

2. ไม่ใส่รองเท้า/ถุงเท้าในขณะฝึก

     โดยทั่วไปรองเท้าไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในห้องฝึก/เรียน โยคะ ( Yoga ) เมื่อนักเรียนเข้ามาในห้องฝึกนักเรียนส่วนใหญ่ก็ถอดถุงเท้าออกด้วย เพราะการถอดรองเท้าเป็นสัญลักษณ์แห่งความเคารพ และช่วยให้ห้องฝึก/เรียน โยคะ ( Yoga ) สะอาด ถุงเท้ามีแนวโน้มที่ทำให้คุณลื่นบนเสื่อ โยคะ ( Yoga ) ดังนั้น เท้าเปล่าปลอดภัยกว่า

 

3. ทานอาหารอย่างน้อย 90 นาทีก่อนคลาส

     ควรงดรับประทานอาหารก่อนการฝึกปฏิบัติ ดังนี้ อาหารมื้อหนัก เช่น อาหารตามมื้ออาหาร อย่างน้อย 3 ชั่วโมง อาหารมื้อเบา เช่น อาหารว่าง ( ขนมปัง, แซนด์วิช ฯลฯ ) อย่างน้อย 1 ชั่วโมง 30 นาที เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้แก่ร่างกาย เนื่องจากหากท้องอิ่มอาจทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัดไม่สบายตัวในขณะฝึกปฏิบัติได้

 

4. ไปถึงสตูดิโอก่อนที่คลาสจะเริ่ม

     ลองมาถึงประมาณ 15 นาที ก่อนที่คลาสจะเริ่ม จะช่วยให้คุณมีเวลาเตรียมตัวก่อนเข้าคลาส เช่น เข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย ( หรือกรณีที่ปวดปัสสาวะ อุจาระในระหว่างทำ ควรไปถ่ายเสียก่อนไม่ควรฝืนฝึกฝนเป็นอันขาด ) และปรับตัวให้คุ้นเคยกับห้องเรียน เตรียมพร้อมสำหรับพลังงาน และความกระปรี้กระเปร่าของคุณเข้าไปฝึกในคลาสด้วยละ นักเรียนใหม่ในชั้นเรียนมักจะสารภาพว่าพวกเขามีความกังวลก่อนจะเริ่มเรียนในคลาสแรก ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติมาก ดังนั้น พยายามอย่าเพิ่มความเครียดของตัวเองโดยการเข้าห้องเรียนช้าจะดีกว่า

 

5. แนะนำตัวเอง

     อย่าลืมแนะนำตัวเอง และแจ้งให้ครูทราบว่าคุณยังใหม่กับ โยคะ ( Yoga ) อย่าอายที่จะแจ้งเรื่องนี้ เนื่องจากเหล่าคุณครูทั้งหลายก็ตื่นเต้นไม่น้อยที่จะฟังคุณพูดถึงความท้าทายที่มาเริ่มฝึก โยคะ ( Yoga ) ครูของคุณสามารถให้คำแนะนำ และช่วยแก้ไขสำหรับ โยคะ ( Yoga ) บางท่าที่เป็นประโยชน์กับตัวคุณเองได้

 

6. เลือกตำแหน่งที่ดีในห้องเรียน

     หลังจากที่ได้สัมภาษณ์ครูฝึกหลายคนที่ผ่านประสบการณ์ในการสอน โยคะ ( Yoga ) มาหลายปี เราได้ตระหนักว่าการเลือกตำแหน่งด้านหลังของชั้นเรียนดูเหมือนจะเป็นความชอบส่วนตัวของคนจำนวนมาก ชั้นเรียน โยคะ ( Yoga ) ไม่มีกฎในเรื่องการเลือกตำแหน่งที่จะฝึก และนักเรียนใหม่จำนวนมากจะเลือกใช้แถวหลังเป็นตำแหน่งในการวางเสื่อ โยคะ ( Yoga ) ของพวกเขา อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับรูปแบบของสตูดิโอ และจำนวนของคนในชั้นเรียน มันอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด แต่อย่าลืมวางเสื่อ โยคะ ( Yoga ) ไว้ที่ตำแหน่งที่คุณสามารถได้ยิน และเห็นครูได้ดีที่สุด

 

7. เลือกจุดโฟกัสในการฝึก

     ชั้นเรียน โยคะ ( Yoga ) ส่วนใหญ่จะเริ่มต้นด้วยฝึกการหายใจ ก่อนที่ไปยังการฝึก โยคะ ( Yoga ) ท่าต่าง ๆ ครูฝึกอาจแนะนำหัวข้อหรือกล่าวถึงท่า โยคะ ( Yoga ) ที่จะสอนสำหรับชั้นเรียนนั้น ๆ ลองใช้เวลานี้เพื่อกำหนดสมาธิ และโฟกัสการฝึกของคุณเอง ตัวอย่างเช่น คุณอาจตั้งใจที่จะมุ่งเน้นการฝึกไปที่การหายใจลึก ๆ ในชั้นเรียน  หรือฝึกการไม่ตัดสินตัวเองหรือคนอื่น

     การแสดงความขอบคุณสำหรับโอกาสในการใช้ โยคะ ( Yoga ) ในการดูแลร่างกาย และจิตใจของคุณเป็นอีกแนวทางหนึ่งในเลือกจุดโฟกัสของคุณ ไม่ว่าคุณเลือกจุดโฟกัสอะไรก็ตามแต่ในการฝึก คุณควรระลึกถึงทุกครั้งที่คุณต้องการแรงบันดาลใจ หรืออาจใช้เหตุผลในการเข้าชั้นเรียน โยคะ ( Yoga ) ก็ได้เช่นกัน

 

8. โยคะ ( Yoga ) ไม่ใช่การแข่งขัน

     โยคะ ( Yoga ) ไม่ใช่การแข่งขัน ไม่มีคะแนนให้ ไม่มีใครชนะหรือแพ้ เราฝึกฝนความก้าวหน้าไม่ใช่ความสมบูรณ์แบบ ดังนั้น ถ้าเพื่อนของคุณสามารถวางก้นลงไปได้ลึกกว่าในท่า Chair pose บางทีเธออาจจะฝึกซ้อมมานานแล้ว หรือร่างกายของเธอแตกต่างจากคุณทำให้เธอวางก้นลงไปได้ลึกกว่า ดังนั้น ให้คุณสนใจ และมุ่งฝึกฝนความก้าวหน้าของตัวคุณเองเพื่อไปยังสเต็ปที่ท้าทายคุณมากขึ้นในลักษณะที่เหมาะสมกับร่างกาย และความต้องการของคุณ

 

9. สนุกกับท่าศพ Shavasana ( Corpse Pose )

     สำหรับนักเรียนหลายคนทั้งที่เคยฝึกครั้งแรก และฝึก โยคะ ( Yoga ) มาสักพัก “ท่าศพ – shavana” หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Corpse Pose อาจเป็นท่า โยคะ ( Yoga ) ที่ท้าทายที่สุดในชั้นเรียน พวกเราหลายคนอาจคุ้นเคยกับการที่จะต้องเคลื่อนไหวตลอดเวลาในการฝึก การนอนนิ่ง ๆ และอยู่กับความคิดของตัวเอง โดยไม่มีการเคลื่อนไหวของร่างกายเพื่อลดการหันเหความสนใจของเรา เพื่อให้เราผ่อนคลาย และอยู่กับจิตของตนเอง อาจเป็นประสบการณ์ใหม่ ในการฝึก โยคะ ( Yoga ) ของคุณได้

     นักเรียนใหม่หลายคนยังบอกด้วยว่าพวกเขารู้สึกเครียดใน “ท่าศพ – shavana” เพราะพวกเขาไม่สามารถหยุดความคิด และปล่อยให้ตัวเองผ่อนคลายได้ตามที่ต้องการ โดยความคิดที่ว่านี้คือ พวกเขาคิดว่าจะต้องหยุดคิดในขณะทำ “ท่าศพ – shavana” อย่างไร ซึ่งมันเป็นความเข้าใจผิด แทนที่คุณพยายามที่จะหยุดคิด คุณควรปล่อยความคิดเหล่านี้ และโฟกัสการหายใจของคุณแทน

 

10. ฝึกต่อไปเรื่อย ๆ

     โยคะ ( Yoga ) เป็นการสะสมประสบการณ์การฝึกกับแต่ละชั้นเรียนที่คุณได้ฝึกมา โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยว่าการฝึก โยคะ ( Yoga ) มีผลกระทบต่อชีวิตของคุณเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เรามักจะเห็นใบหน้าที่สว่างสดใส ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นของคนที่เพิ่งออกจากชั้นเรียน แต่ถ้า โยคะ ( Yoga ) ไม่คลิกสำหรับคุณในทันที ให้เวลากับมัน ลองเข้าไปฝึกในชั้นเรียนที่แตกต่างกัน และครูที่แตกต่างกันไปจนกว่าคุณจะพบว่าอะไรเหมาะสมสำหรับคุณ ความขยัน และความสม่ำเสมอคุณ จะทำให้คุณเก็บเกี่ยวสิ่งวิเศษมากมายจากโยคะ ( Yoga )

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

โยคะ ( yoga ) เพื่อการนอนหลับ

โยคะ ( Yoga ) บรรเทา อาการปวดหัว นั่นเอง



บทความที่น่าสนใจ

ทำความรู้จักกับ โยคะ ( Yoga ) ให้ลึกขึ้นกว่าเดิม
รู้หรือไม่ โยคะช่วยบรรเทาอาการปวดหลัง ได้ด้วยนะ