ไขข้อข้องใจ ความเข้าใจผิด เกี่ยวกับ โยคะ ( Yoga )

Share : facebook_share line_share twitter_share messenger_share

ไขข้อข้องใจ ความเข้าใจผิด เกี่ยวกับ โยคะ ( Yoga )



สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ รู้ไหมคะว่า โยคะ ( Yoga ) ที่หลาย ๆ คนคิดว่าตัวเองรู้จักดี แต่ก็ยังมีหลายข้อที่เข้าใจผิดกันอยู่วันนี้เราจะมา ไขข้อข้องใจ หรือ ความเข้าใจผิด เกี่ยวกับ โยคะ ( Yoga ) ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันค่ะ

 

กีฬาที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันไม่แพ้ มวยไทย ฟิตเนส หรือสเก็ตบอร์ด นอกจากกีฬาวิ่งแล้ว ยังมีกีฬาที่ได้ใช้สมาธิอย่างโยคะอีกด้วย โยคะเป็นศาสตร์ และ ศิลป์แห่งการออกกำลังกาย ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ หากคุณเป็นคนหนึ่ง ที่สนใจจะเล่นโยคะ ลองมาดูกันดีกว่าว่ามีเรื่องอะไรบ้าง ที่คุณยังมีความเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับโยคะอยู่

 

โยคะ ( Yoga ) เป็นกีฬาที่เหมาะสมกับผู้หญิงเท่านั้น

คนมากมายยังเข้าใจว่า โยคะ คือ กีฬาสำหรับผู้หญิง แต่แท้ที่จริงแล้ว จะผู้ชาย หรือ เด็กก็สามารถเล่นโยคะได้ โดยโยคะนั้น เป็นการช่วยให้ผู้ฝึก เข้าใจในระบบต่าง ๆ ร่างกายคนเราเอง โดยจะฝึกทั้งร่างกาย และจิตใจ หลักการฝึกโยคะ จะเน้นไปที่การจดจ่อ กับลมหายใจทั้งเข้า - ออก จึงไม่น่าแปลกใจว่า คนที่เล่นโยคะเป็นประจำอยู่แล้ว ผู้เล่นจะรู้สึกคลายเครียดได้เป็นอย่างดี  โยคะช่วยรักษาสมดุลของร่างกาย ได้ใช้ความรู้สึกมานำท่าทางการเคลื่อนไหว ทำให้จิตใจมีความสมดุล จึงอาจจะกล่าวได้ว่าโยคะเหมาะสมกับทั้งชาย และหญิง

 

เล่นโยคะ ( Yoga ) แล้วจะผอม

อีกหนึ่งความเชื่อผิด ๆ ว่า การเล่นโยคะทุกวัน จะทำให้มีรูปร่างผอมลง ซึ่งก็นับเป็นความคิดที่ผิด โยคะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้บางส่วนเท่านั้น เมื่อเล่นโยคะบ่อย ๆ กล้ามเนื้อเพิ่ม อัตราการเผาผลาญพลังงานก็เพิ่มตามไปด้วย แต่หากเล่นโยคะเพียงอย่างเดียว ร่างกายก็ใช้กล้ามเนื้อมัดซ้ำ ๆ ไม่ได้เสริมสร้างกล้ามเนื้อส่วนอื่น ๆ หากว่าคุณต้องการลดความอ้วนแล้ว แนะนำว่าควรทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เช่นวิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ เป็นต้น และอย่าลืมการออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง เน้นการควบคุมอาหาร งดหวาน มัน เค็ม จะทำให้การลดน้ำหนักเห็นผลได้อย่างรวดเร็วกว่าการเล่นโยคะแค่เพียงอย่างเดียว เพราะหากคุณเล่นโยคะ แต่ไม่คุมอาหาร กินตามใจปากเช่นเดิม แทนที่น้ำหนักจะลดก็กลับทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย

 

โยคะ ( Yoga ) สามารถรักษาโรคได้ทุกโรค

มีคนไม่น้อยยังมีความเข้าใจผิด ว่าโยคะสามารถรักษาอาการโรคได้ทุกโรค แต่แท้ที่จริงแล้ว โยคะจะเน้นไปที่ การทำให้ปัญหาสุขภาพที่เกิดจากกล้ามเนื้อ แข็ง ตึง ให้ลดลง หรือบรรเทาลงมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นปัญหาออฟฟิศซินโดรม ปัญหาปวดคอ บ่าและไหล่ อย่างไรก็ดี โยคะไม่ได้รักษาโรค และที่สำคัญผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง วิงเวียนศีรษะ เนื้องอก มะเร็ง ก็ควรหลีกเลี่ยงการเล่นโยคะจะดีกว่า เนื่องจากการเล่นโยคะอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายเพิ่มมากขึ้นได้นั่นเอง

 

โยคะ ( Yoga ) ฝึกเมื่อใดก็ได้

แท้ที่จริงแล้วโยคะไม่ควรฝึกหลังจากทานข้าวเสร็จใหม่ ๆ หรือช่วงที่ท้องยังอิ่มอยู่ อย่างน้อยควรเว้นระยะราว 3 ชั่วโมง เพื่อป้องกันอาการจุกของร่างกาย หรือหากฝึกช่วงเช้าหลังตื่นนอนก็ควรขับถ่ายก่อนจะดีที่สุด

 

จะเห็นว่าการฝึก โยคะ ( Yoga ) นั้นมีเรื่องที่ชวนให้เข้าใจผิดหลายประการทีเดียว หากว่าคุณอยากให้การฝึก โยคะ ( Yoga )  ของคุณถูกต้อง มีประสิทธิภาพ และ ไม่เป็นการทำร้ายร่างกายของตนเอง แนะนำว่าให้ฝึก โยคะ ( Yoga ) กับครูที่มีความเชี่ยวชาญจะดีที่สุดค่ะ และหากอยากรู้ว่า โยคะ ( Yoga ) มีประโยชน์อย่างไร ตามมาอ่านได้ด้านล่างนี้

 

ปฏิกิริยาน้อยลง และสงบมากขึ้น

คนส่วนใหญ่มีปฏิกิริยาตามธรรมชาติเมื่อสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามที่เราวางแผนไว้ ตัวอย่างเช่นคุณอาจพบว่าคุณสบถ หรือโกรธหากมีคนตัดหน้าคุณจากการจราจร คุณอาจรู้สึกหดหู่ เมื่อต้องทะเลาะกับสมาชิกในครอบครัว แล้วก็มีความสุข เมื่อได้ตัดผม หรือซื้อใหม่ การฝึกโยคะสอนให้เราพบความสมดุล ที่มั่นคงมากขึ้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ดังนั้น หากคุณอยู่ในท่าทางที่ท้าทาย และ รู้สึกว่าคุณแทบจะไม่สามารถทำได้ สภาพจิตใจของคุณก็ยังคงสงบสุข ซึ่งแสดงโดยลมหายใจที่สงบ และสม่ำเสมอ

 

 

เตรียมตัวให้พร้อมก่อนเล่นโยคะ

ท่าโยคะ  เป็นการออกกำลังกาย ที่นับว่าเป็นการยืดเส้นยืดสาย หรือบริหารส่วนต่างๆ ของร่างกายที่ต้องอาศัยลมหายใจ และสมาธิ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งเพื่อให้เกิดความสมดุลของร่างกายมากที่สุด หากมองให้ดีแล้ว แทบจะไม่มีความแตกต่างจากการออกกำลังกาย ที่เราทำกันอยู่ตามปกติเลย เช่น ก่อนการจะเล่นก็ต้องมีการวอมร่างกายก่อน เพราะอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บระหว่างเล่นได้ ถึงแม้ว่าจะเล็กแต่ก็ไม่ควรมองข้าม ลองมาดูพร้อมกันดีกว่า ถ้าอยากจะออกกำลังกายด้วย ท่าโยคะ จะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

  1. ก่อนจะเริ่มเล่นโยคะ ควรคำนวณให้ดีก่อนว่า เรารับประทานอาหารผ่านมาเป็นเวลา 1 - 2 ชั่วโมงแล้วรึยัง แต่ด้วยจำนวนเวลาเท่านี้ก็ไม่เสมอไป นั่นขึ้นอยู่กับว่าอาหารที่ทานเป็นอาหารหนัก หรืออาหารเบา ถ้าเกิดว่าไม่เป็นตามนี้ อาหารก็เปรียบได้กับยาพิษ ที่อาจทำให้เกิดโทษในภายหลังที่เริ่มเล่นได้
  2. ช่วงเช้า เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการออกกำลังกายด้วย ท่าโยคะ มากที่สุด หรือถ้าหากช่วงเช้าไม่ค่อยสะดวก ก็อาจเป็นช่วงบ่าย ค่อนไปจนถึงช่วงเย็นเลยก็ได้
  3. สถานที่ ที่เหมาะสำหรับการเล่นโยคะ ต้องมีลมโกรก ไม่ร้อนอบอ้าวจนเกินไป
  4. การออกกำลังกายด้วย ท่าโยคะ เป็นอะไรที่ต้องมีการยืดเส้นยืดสายส่วนต่าง ๆ อยู่มาก ฉะนั้นเครื่องแต่งกายขณะเล่นก็มีความสำคัญ เน้นให้มีการเคลื่อนไหวร่างกายส่วนต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก
  5. พื้นที่ในขณะที่เล่น หากว่าพื้นไม่ได้ปูพรม ก็ต้องมีที่หนาพอสมควรปูรองแทน อาจใช้เป็นผ้าห่ม ปูรองรับร่างกาย ในขณะที่เล่นทุกครั้งเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ อาการปวดหลัง หัวเข่า หรือในบางท่านที่มีความจำเป็นต้องใช้ผ้าปูรอง
  6. การเล่นโยคะเป็นอะไรที่ต้องใช้การหายใจ และสมาธิเข้ามาเป็นตัวกำหนดขณะเล่น ฉะนั้นแนะนำให้ปฏิบัติท่าต่างๆ ด้วยความแช่มช้า นุ่มนวล
  7. ระหว่างที่ทำท่าโยคะต่างๆ เสร็จแล้ว แนะนำให้นอนพักสักระยะ ก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติในท่าต่อไป
  8. ขณะที่เล่น ต้องหายใจอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด ไม่เกร็งกล้ามเนื้อตรงบริเวณคอ ไม่ทำจมูกบี้ และต้องไม่มีเสียงดังอีกด้วย
  9. สำหรับสาว ๆ คนไหนที่มีวัยตั้งแต่เลข ขึ้นไป ขอเน้นย้ำเป็นอย่างยิ่งว่าไม่ควรหักโหม ควรปฏิบัติด้วยความใจเย็น ค่อยเป็นค่อยไป

 

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

โยคะสำหรับสาวออฟฟิศ

ข้อควรระวัง ในการเล่นโยคะ



บทความที่น่าสนใจ

5 ท่าโยคะ ( Yoga ) ช่วยปรับปรุง บุคลิกภาพ
การออกกำลังกายด้วยโยคะ จะช่วยให้มีชีวิตที่ดีได้อย่างไร