โยคะ กับผู้เริ่มต้น

Share : facebook_share line_share twitter_share messenger_share

โยคะ กับผู้เริ่มต้น



การเดินเข้าสู่คลาสเรียนโยคะครั้งแรก คุณอาจทำให้คุณรู้สึกประหม่า มันอาจรู้สึกเหมือนกับว่าทุกคนเป็นสมาชิกในสโมสรนั้น แต่ยกเว้นคุณ ไม่ต้องกลัวอีกแล้ว หยิบอุปกรณ์พื้นฐานการฝึกโยคะ เข้าคลาสเรียนมาด้วยกันเลยค่ะ

 

1. เริ่มต้นการฝึกที่ดีที่สุด สำหรับตัวคุณเอง

ขอแนะนำให้เช็คลิส และติดต่อสตูดิโอที่คุณจะฝึกเพื่อขอคำแนะนำ ชั้นเรียนที่เหมาะสำหรับคุณก่อนเข้าไปฝึกจริง หากคุณเคยบาดเจ็บ หรือมีข้อจำกัดต่าง ๆ ในการออกกำลังกาย ให้คุณเล่าประวัติของคุณให้พวกเขาทราบ แม้จะมีชั้นเรียนโยคะสำหรับ all level ที่มือใหม่อย่างคุณเข้าไปร่วมได้ แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลง ครูผู้ฝึกสอนอยู่เสมอ ดังนั้นอย่าเขิลอายที่จะแจ้งเจ้าของสตูดิโอหรือผู้จัดการ พวกเขาจะสามารถช่วยคุณ หาจุดเริ่มต้นในการฝึกโยคะที่เหมาะ และดีที่สุดสำหรับคุณได้

 

การเริ่มต้นในชั้นเรียนโยคะ ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับผู้เริ่มต้น คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับโยคะพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นการจัดตำแหน่งของร่างกาย และปัจจัยพื้นฐานเกี่ยวกับการหายใจ ในกรณีที่ไม่มีชั้นเรียนสำหรับผู้เริ่มต้นโดยเฉพาะ ขอแนะนำให้ผู้เริ่มต้นฝึกโยคะมือใหม่ทุกคน เริ่มเรียนในชั้นเรียนที่มุ่งเน้นการยืดกล้ามเนื้อ และสอนการหายใจ โดยครูผู้ฝึกสอนดำเนินคลาสอย่างช้าๆ ซึ่งจะช่วยให้คุณสบายใจ ในการเปิดรับเรียนรู้ท่าทางต่างๆ และการหายใจไปกับเพื่อนร่วมชั้น ที่เป็นผู้เริ่มต้นฝึกโยคะมือใหม่เช่นกัน สำหรับนักเรียนจำนวนมาก มักจะคิดว่าโยคะที่ออกแบบมาสำหรับผู้เริ่มต้น มักจะฝึกท่าพื้นฐานที่ง่ายๆ ขณะที่คนอื่นๆ ต้องการเรียนในคลาสที่เข้มงวดมากขึ้น แต่มันมีเหตุผลมากกว่า การที่คุณจะเรียนรู้การมีวินัยในการฝึกฝน มากกว่าเร่งรีบไปยังชั้นเรียนที่คุณยังไม่พร้อม

 

 

2. ไม่ควรใส่รองเท้า / ถุงเท้าในขณะที่ฝึก

โดยทั่วไปหลายๆสตูดิโอ รองเท้าไม่ได้รับอนุญาตให้นำไปใช้ ในห้องฝึก / เรียนโยคะ เมื่อนักเรียนเข้ามาในห้องฝึก นักเรียนส่วนใหญ่ก็ถอดถุงเท้าออกด้วย เพื่ออะไรน่ะหรอ การถอดรองเท้าเป็นสัญลักษณ์แห่งความเคารพ และช่วยให้ ห้องฝึก / เรียนโยคะสะอาด ที่สำคัญถุงเท้านั้น มีแนวโน้มที่ทำให้คุณลื่นบนเสื่อโยคะได้ ดังนั้นหากคุณจะฝึกโยคะ การปล่อยเท้าให้ว่างเปล่าปลอดภัยมากกว่า

 

 

3. ทานอาหารเบาๆ อย่างน้อย 90 นาที ก่อนเข้าคลาส

ควรงดรับประทานอาหาร ก่อนการฝึกปฏิบัติ ดังนี้ อาหารมื้อหนัก เช่น อาหารจานหลักตามมื้ออาหาร อย่างน้อย 3 ชั่วโมง อาหารมื้อเบา เช่น อาหารว่าง ( ขนมปัง แซนด์วิช ฯลฯ ) อย่างน้อย 1 ชั่วโมง 30 นาที เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม ให้แก่ร่างกาย เนื่องจากหากท้องอิ่ม อาจทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัวในขณะฝึกปฏิบัติได้ และหากคุณทานอาหาร อิ่มจนเกินไป อาจจะทำให้ เกิดอาการ จุก เสียด และเสี่ยงเกิดอาการ กรดไหลย้อนได้นั่นเอง

 

4. ควรไปถึงสตูดิโอ ก่อนที่คลาสจะเริ่ม

คุณลองเดินทางมาให้ถึงประมาณ 15 นาที ก่อนที่คลาสจะเริ่ม จะช่วยให้คุณมีเวลา เตรียมตัวก่อนเข้าคลาส เช่น เข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย ( หรือกรณีที่ปวดปัสสาวะ อุจาระในระหว่างทำ ควรไปถ่ายเสียก่อน ไม่ควรฝืนฝึกฝนเป็นอันขาด ) และปรับตัวให้คุ้นเคยกับห้องเรียน เตรียมพร้อมสำหรับพลังงาน และความกระปรี้กระเปร่าของคุณ เข้าไปฝึกในคลาสด้วยล่ะ นักเรียนใหม่ในชั้นเรียน มักจะสารภาพว่าพวกเขามีความกังวล ก่อนจะเริ่มเรียนในคลาสแรก ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติมาก ดังนั้นพยายามอย่าเพิ่มความเครียดของตัวเอง โดยการเข้าห้องเรียนช้าจะดีกว่า

 

 

5. แนะนำตัวเอง

อย่าลืมแนะนำตัวเอง และแจ้งให้ครูทราบว่า คุณนั้นยังเป็นมือใหม่สำหรับโยคะ อย่าอายที่จะแจ้งเรื่องนี้ เนื่องจากเหล่าคุณครูทั้งหลายก็ตื่นเต้นไม่น้อย ที่จะฟังคุณพูดถึงความท้าทาย ที่มาเริ่มฝึกโยคะ ครูของคุณสามารถให้คำแนะนำ และช่วยแก้ไขสำหรับโยคะบางท่า ที่เป็นประโยชน์กับตัวคุณเองได้

 

6. เลือกตำแหน่งที่ดี ในห้องเรียนของคลาส

หลังจากที่ได้เก็บข้อมูล จากครูฝึกหลายคนที่ผ่านประสบการณ์ ในการสอนโยคะมาหลายปี เราได้ตระหนักว่าการเลือกตำแหน่ง ด้านหลังของชั้นเรียน ดูเหมือนจะเป็นความชอบส่วนตัว ของคนจำนวนมาก ชั้นเรียนโยคะไม่มีกฏ ในเรื่องการเลือกตำแหน่งที่จะฝึก และนักเรียนใหม่จำนวนมาก มักจะเลือกใช้แถวหลังเป็นตำแหน่ง ในการวางเสื่อโยคะของพวกเขา อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับรูปแบบของสตูดิโอ และจำนวนของคนในชั้นเรียน มันอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด แต่อย่าลืมวางเสื่อโยคะไว้ที่ตำแหน่ง ที่คุณสามารถได้ยิน และเห็นครูได้ดีที่สุดด้วยนะ

 

 

7. เลือกจุดโฟกัสในการฝึก

ในชั้นเรียนโยคะส่วนใหญ่ จะเริ่มต้นด้วยฝึกการหายใจ ก่อนที่ไปยังการฝึกโยคะท่าต่างๆ ครูฝึกอาจแนะนำหัวข้อ หรือกล่าวถึงท่าโยคะที่จะสอนสำหรับชั้นเรียนนั้นๆ ลองใช้เวลานี้เพื่อกำหนดสมาธิ และโฟกัสการฝึกของคุณเอง ตัวอย่างเช่น คุณอาจตั้งใจที่จะมุ่งเน้นการฝึกไปที่การหายใจลึกๆ ในชั้นเรียน หรือฝึกการไม่ตัดสินตัวเอง จากนักเรียนคนอื่น ก็เป็นวิธีการฝึกที่ดี เพราะจะทำให้คุณไม่ต้องคอยกังวล ว่าจะทำได้อย่างนักเรียนคนอื่นรึเปล่า

 

การแสดงความขอบคุณ สำหรับโอกาสในการใช้โยคะ ในการดูแลร่างกาย และจิตใจของคุณเป็นอีกแนวทางหนึ่ง ในเลือกจุดโฟกัสของคุณ ไม่ว่าคุณเลือกจุดโฟกัสอะไรก็ตามแต่ในการฝึก คุณควรระลึกถึงทุกครั้งที่คุณต้องการแรงบันดาลใจ หรืออาจใช้เหตุผลในการเข้าชั้นเรียนโยคะก็ไดเช่นกัน

 

 

8. โยคะไม่ใช่การแข่งขัน

การฝึกโยคะนั้น ไม่ใช่การแข่งขัน ไม่มีคะแนนให้ ไม่มีใครชนะ หรือแพ้ ที่สำคัญคือเราฝึกฝนความก้าวเพื่อหน้า ไม่ใช่ความสมบูรณ์แบบ ดังนั้นถ้าเพื่อนของคุณสามารถวางก้นลงไปได้ลึกกว่าในท่า Chair pose บางทีเธออาจจะฝึกซ้อมมานานแล้ว หรือร่างกายของเธอแตกต่างจากคุณ ทำให้เธอวางก้นลงไปได้ลึกกว่า ดังนั้นให้คุณสนใจ และมุ่งฝึกฝนความก้าวหน้าของตัวคุณเอง เพื่อไปยังสเต็ปที่ท้าทายคุณมากขึ้น ในลักษณะที่เหมาะสมกับร่างกาย และความต้องการของคุณ

 

 

9. สนุกกับท่าศพ Shavasana ( Corpse Pose )

สำหรับนักเรียนหลายคน ทั้งที่เคยฝึกครั้งแรก และฝึกโยคะมาสักพัก “ ท่าศพ - shavana ” หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Corpse Pose อาจเป็นท่าโยคะที่ท้าทายที่สุดในชั้นเรียน พวกเราหลายคนอาจคุ้นเคย กับการที่จะต้องเคลื่อนไหวตลอดเวลาในการฝึก การนอนนิ่งๆ และอยู่กับความคิดของตัวเอง โดยไม่มีการเคลื่อนไหวของร่างกาย เพื่อลดการหันเหความสนใจของเรา เพื่อให้เราผ่อนคลายและอยู่กับจิตของตนเอง อาจเป็นประสบการณ์ใหม่ ในการฝึกโยคะของคุณได้

 

สำหรับนักเรียนใหม่ หลาย ๆ คนยังบอกด้วยว่า พวกเขารู้สึกเครียดใน “ ท่าศพ - shavana ” เพราะพวกเขาไม่สามารถ หยุดความคิด และปล่อยให้ตัวเองผ่อนคลายได้ตามที่ต้องการ โดยความคิดที่ว่านี้คือ พวกเขาคิดว่าจะต้องหยุดคิดในขณะทำ “ ท่าศพ - shavana ” อย่างไร ซึ่งมันเป็นความเข้าใจผิด แทนที่คุณพยายามที่จะหยุดคิด คุณควรปล่อยความคิดเหล่านี้ และโฟกัสการหายใจของคุณแทน

 

 

10. ฝึกต่อไปเรื่อย ๆ

โยคะเป็นการสะสมประสบการณ์การฝึกกับแต่ละชั้นเรียนที่คุณได้ฝึกมา โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยว่าการฝึกโยคะมีผลกระทบต่อชีวิตของคุณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เรามักจะเห็นใบหน้าที่สว่างสดใส ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นของคนที่เพิ่งออกจากชั้นเรียน แต่ถ้าโยคะไม่คลิกสำหรับคุณในทันที ให้เวลากับมัน ลองเข้าไปฝึกในชั้นเรียนที่แตกต่างกัน และครูที่แตกต่างกันไปจนกว่าคุณจะพบว่าอะไรเหมาะสมสำหรับคุณ ความขยันและความสม่ำเสมอคุณ จะทำให้คุณเก็บเกี่ยวสิ่งวิเศษมากมายจากโยคะ!

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Yosana

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

รักษาออฟฟิศซินโดรมได้ด้วย โยคะ

โยคะเด็ก สร้างสมาธิให้ลูกน้อย



บทความที่น่าสนใจ

โยคะ ( Yoga ) ใบหน้า เพื่อใบหน้าที่เรียบตึง กระชับ
สาวๆควรรู้ ท่าโยคะ ที่ดีที่สุดเพื่อบรรเทาอาการปวดประจำเดือน