ทำความรู้จักกับ หยินโยคะ ( Yin Yoga )

Share : facebook_share line_share twitter_share messenger_share

ทำความรู้จักกับ หยินโยคะ ( Yin Yoga )



โยคะ ( Yoga ) ศาสตร์ในการบริหารร่างกายที่ปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งโยคะนั้น มีศาสตร์ที่แตกต่างแยกย่อยอยู่มาก วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับอีกหนึ่งศาสตร์ของโยคะที่เรียกว่า หยินโยคะ ( Yin Yoga ) กันครับ

 

หยินโยคะ คืออะไร?

 

หยินโยคะ ( Yin Yoga ) เป็นรูปแบบหนึ่งของโยคะที่มีเอกลักษณ์ในการเล่นแบบช้า ๆ โดยค้างท่าของโยคะเป็นระยะเวลานานกว่ารูปแบบอื่น ๆ ประมาณ 3-5 นาที เน้นความนิ่งขณะทำท่า และการยืดเหยียดในระดับลึกของร่างกาย จนถึงเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ทั้งผิวหนัง กล้ามเนื้อ ไปที่ข้อต่อ และเส้นเอ็นต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างให้มีการยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อที่ดีขึ้น

 

ต้นกำเนิดของ หยินโยคะ

 

หยินโยคะ เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1970 จากการคิดค้นของ พอลลี่ ซิงค์ (Paulie Zink) ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้และครูสอนโยคะชาวอเมริกา โดยท่าทางสร้างขึ้นจากการผสมผสานระหว่างหฐโยคะและโยคะเต๋า (เต๋าหยิน) ตามแนวทางที่เขาสร้างขึ้นเอง ซึ่งองค์ประกอบของลัทธิเต๋าของหยินโยคะ คือ การจัดท่าทางไว้เป็นเวลานาน เพื่อให้เกิดคุณภาพต่อการทำสมาธิ โดยเน้นที่ภายในและขยายการรับรู้ถึงกระบวนการ และความรู้สึกของร่างกาย

 

ในช่วงปีแรกของการสอนโยคะของ พอลลี่ ซิงค์ เขาได้สอนหยินโยคะให้กับนักเรียนผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ที่มีกล้ามเนื้อแข็งแรง แต่กล้ามเนื้อแน่น โดยสอนท่าหยินที่เน้นความยาว เพื่อช่วยเรื่องความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ ซึ่งต่อมาก็ได้สอนท่าทางโยคะในระดับสูงขึ้น ทำให้สามารถพัฒนาความยืดหยุ่นได้อย่างเต็มที่

 

ต่อมาในช่วงปี ค.ศ.1980 พอลลี่ ซิงค์ ได้ศึกษาร่วม พอล กริลลีย์ (Paul Grilley) ครูสอนโยคะอีกคน ซึ่ง พอล กริลลีย์ ได้สนใจด้านสรีรวิทยาและพลังปราณมาจาก ฮิโรชิ โมโตยามะ นักวิชาการและนักโยคะชาวญี่ปุ่น ทำให้กริลลีย์ นำศาสตร์ของหยินโยคะจาก พอลลี่ ซิงค์ มาผสมผสานกับความรู้ด้านกายวิภาคศาสตร์ และคำสอนของโมโตยา ทำให้มีการฝึกปฏิบัติทางกายและใจที่ดีขึ้น และต่อมา ซาราห์ พาวเวอร์ ครูโยคะอีกคน ก็ได้เข้ามาพัฒนาหลักสูตรของหยินโยคะเพิ่มเติมด้วย จนในปี ค.ศ.2009 ทั้ง 3 คนก็ได้เสนอหลักสูตรฝึกอบรมครูหยินโยคะให้กับสถาบัน และได้เปิดให้บริการทั่วอเมริกาเหนือและยุโรป

 

หลักการหยินหยางในโยคะ

 

หากกล่าวถึงคำว่า "หยิน" (Yin) แล้ว มักจะมาคู่กับคำว่า "หยาง" (Yang) หรือ หยินหยาง ( Yin-Yang )นั่นเอง ซึ่งเป็นหลักการที่ตรงกันข้ามและเสริมกันในธรรมชาติ จึงเป็นสัญลักษณ์แห่งความเสมอภาค และการเติมเต็มที่สมบูรณ์

 

สำหรับ หยินและหยางในทางโยคะ มีท่าทางหรืออาสนะที่ไม่แตกต่างกันมากนัก แตกต่างเฉพาะระยะเวลาในการค้างท่าและการใช้กล้ามเนื้อที่ต่างกันในบางส่วน รวมไปถึง ประโยชน์ต่อร่างกาย คือ อาสนะที่เป็นหยิน ฝึกแล้วจะทำให้เกิดความสงบ ผ่อนคลาย มีสมาธิ ช่วยในการปรับสมดุลร่างกายได้ดี ส่วนหยาง ฝึกแล้วทำให้จิตใจฮึกเหิม สดชื่น มีความกระปรี้กระเปร่า ช่วยเรื่องในการเผาผลาญได้ดี

 

หากให้เปรียบเทียบ โยคะในรูปแบบหยินและหยาง คงบอกไม่ได้ว่าแบบไหนดีกว่ากัน เพราะแต่ละรูปแบบมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันนั่นเอง ผู้ที่เล่นโยคะ จึงควรเรียนรู้ศาสตร์ของโยคะทั้ง 2 รูปแบบ เพื่อช่วยปรับสมดุลร่างกายและจิตใจให้มีความสมดุลกันดี

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

โยคะ ( YOGA ) แบ่งออกเป็นกี่สาย

โยคะ ( Yoga ) ยืดเส้น จัดกระดูก



บทความที่น่าสนใจ

B Bounce คลาสรองเท้ากระโดดเพื่อสุขภาพ
เล่นโยคะอย่างไร ให้ส่งเสริมบุคลิกภาพ