โยคะเด็ก ช่วยพัฒนาด้านร่างกายและจิตใจ

Share : facebook_share line_share twitter_share messenger_share

โยคะเด็ก ช่วยพัฒนาด้านร่างกายและจิตใจ



     ในตอนนี้โยคะกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นทุกๆ วัน ผู้คนทุกเพศ ทุกวัย จากทั่วทุกมุมโลกหันมาฝึกโยคะกันมากขึ้น ไม่ใช่แค่วัยทำงานเท่านั้นที่เล่นโยคะได้ แต่วัยเด็ก ก็มีนะ และที่สำคัญยังช่วยเสริมพัมนาาการด้านร่างกายและจิตใจได้

 

     การฝึกโยคะในเด็กนั้น สามารถเริ่มฝึกได้ตั้งแต่อายุ 4 ขวบ ซึ่งเป็นช่วงอายุที่เด็กพร้อมจะรับฟังคำสั่งได้ โดยประโยชน์ของการฝึกโยคะนั้นสามารถช่วยพัฒนาศักยภาพของเด็กได้ทั้งทางด้านร่างกายและด้านจิตใจ มีดังนี้

 

1.   การฝึกโยคะช่วยพัฒนาเด็กทั้งทางร่างกายและจิตใจ

     โยคะไม่ได้เป็นแค่กิจกรรมที่สนุกสนานเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เด็กมีร่างกายที่แข็งแรงเหมือนๆ กันกับที่ผู้ใหญ่ฝึกโยคะ เด็กๆ จะได้พัฒนาด้านความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และความสมดุลของตนเองด้วยการฝึกท่าโยคะต่างๆ และยังมีความอดทนอีกด้วย

 

     การฝึกโยคะยังช่วยให้เด็กๆ ได้ฝึกการควบคุมสติอารมณ์ ควบคุมความรู้สึกของตนเอง เพิ่มสมาธิ คลายความเครียด และยังให้ประโยชน์ในด้านสุขภาพจิตอีกมากมาย

 

2.   การฝึกโยคะยังช่วยเพิ่มความนับถือในตนเอง (Self-Esteem) และความมั่นในตนเองของเด็ก

     เนื่องจากการฝึกโยคะไม่ได้เป็นไปเพื่อการแข่งขันทางกายภาพ ไม่มีการตัดสินว่าถูกหรือผิดในการทำท่าต่างๆ ทำให้เด็กๆ สามารถฝึกโยคะแบบต่างๆ ที่อยากจะฝึกได้ตามศักยภาพและความเหมาะสม โดยไม่ต้องรู้สึกกังวลเหมือนเวลาที่เรียน หรือ ทำข้อสอบ

 

    การฝึกโยคะยังช่วยให้เด็กๆ เรียนรู้ที่จะฟังและเชื่อมต่อกับร่างกายหรือจิตใจของตัวเอง ทำให้พวกเขามีความรู้สึกที่มั่นใจมากขึ้น

 

3.   การฝึกโยคะสอนให้เด็กๆ มีสติอยู่เสมอ

     ลมหายใจเป็นพลังของชีวิต การหายใจแบบโยคะ ช่วยผ่อนคลายร่างกาย จิตใจ และ จิตวิญญาณ  ช่วยให้เขารับมือได้ดีในเวลาที่ต้องเผชิญสถานการณ์ที่มีความกดดัน

 

     เมื่อฝึกโยคะ เด็กๆ ไม่เพียงแต่จะได้เรียนรู้การฝึกหายใจที่เหมาะสมแล้ว  ยังได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของการหายใจต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน  พวกเขาจะได้เรียนรู้การที่จะโฟกัสหรือมีสติอยู่กับลมหายใจ จากนั้น เด็กๆ ก็จะกลายเป็นคนที่มีสติ และสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข

 

ท่าโยคะง่าย ๆ ที่ผู้ปกครองสามารถฝึกให้เด็ก ๆ ได้เองที่บ้าน

ท่างู (Cobra pose) ท่านี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับแขนและมือทั้งสองข้าง อีกทั้งยังช่วยยืดกล้ามเนื้อหลัง โดยวิธีปฏิบัติ คือ นอนคว่ำกับพื้น ก้มหน้าให้ติดพื้น วางมือไว้ใต้ไหล่ทั้งสองข้าง จากนั้นยกหน้าอกโดยการใช้แขนทั้งสองข้างยันกับพื้นขึ้นมาแล้วค้างไว้พร้อมหายใจแบบโยคะ (การหายใจแบบโยคะ คือ การหายใจเข้าจนท้องพองออกและหายใจออกจนท้องแฟบ)

 

ท่าต้นไม้ (Tree Pose) ท่านี้จะช่วยฝึกสมาธิและการทรงตัว และเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแขน และขา โดยวิธีปฏิบัติ คือ นั่งยองๆ ค่อยๆ ยืนขึ้นช้าๆ เขย่งปลายเท้าทั้งสองข้าง หรืออาจจะยกขาหนึ่งข้างมาพักไว้ที่เข่าอีกข้าง จากนั้น ฝ่ามือประกบกันไว้ที่อกหรือยกแขนขึ้นเหนือศรีษะ ค้างไว้ พร้อมหายใจแบบโยคะ

 

ท่าเด็ก (Child’s pose) หรือ ท่ากระต่าย ท่านี้ช่วยยืดหยุ่นกล้ามเนื้อ ลำตัว สะโพก ต้นขา และช่วยยืดหยุ่นข้อต่อต่างๆ โดยวิธีปฏบัติคือ นั่งคุกเข่า โดยให้หลังเท้าแนบชิดกับพื้น กดสะโพกนั่งลงทับบนส้นเท้าทั้งสองข้าง จากนั้นโค้งลำตัวลงช้าๆ จนหน้าผากแตะชิดพื้น วางลำคอให้ตรง จากนั้นค่อยๆไต่มือไปอยู่เหนือศรีษะกดฝ่ามือลงชิดกับพื้น แล้วผลักสะโพกไปด้านหลังเพื่อยืดกล้ามเนื้อหลัง ค้างไว้

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก thewonderstudio

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

เรื่องว้าวๆของโยคะที่หลายคนไม่รู้

ชีวิตดีขึ้นได้ ด้วย โยคะ

ออกกำลังกายเองที่บ้านด้วย ท่าโยคะ



บทความที่น่าสนใจ

ประโยชน์ของโยคะ ที่ให้มากกว่า สุขภาพดี
Yoga Fly ต่างจาก Yoga ธรรมดายังไง